โบท็อกซ์คืออะไร ทำไมล็อกความเยาว์และทำให้ผิวสวยใสสไตล์เกาหลีได้

โบท็อกซ์คืออะไร ทำไมล็อกความเยาว์และ ทำให้ผิวสวยใสสไตล์เกาหลีได้

สำหรับริ้วรอยบนใบหน้าเป็นปัญหาที่หลายคนกังวลเมื่ออายุมากขึ้น ทั้งริ้วรอยเหี่ยวย่น ตีนกา ร่องน้ำหมาก รวมทั้งเรื่องของกรามใหญ่ กรามชัด แก้มตอบด้วย ก็เป็นอีกปัญหาที่หลายคนกังวล ซึ่งการฉีดโบท็อกซ์เป็นวิธีที่จะมาช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ เพราะโบท็อกซ์ช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน เต่งตึง กระชับ ดูอ่อนเยาว์ ก่อนที่จะตัดสินใจฉีดโบท็อกซ์ อยากให้ทุกคนได้อ่านบทความนี้ก่อน จะได้รู้ว่โบท็อกซ์คืออะไร มีกี่แบบ ฉีดตรงไหนได้บ้าง ฉีดแล้วผลเป็นยังไงและจะปลอดภัยไหม

โบท็อกซ์ คืออะไร

โบท็อก คือ โปรตีนที่มีชื่อในทางการแพทย์ว่า “Botulinum Toxin A” โบท็อกซ์จะทำหน้าที่เข้าไปรบกวนการทำงานของระบบประสาท เมื่อฉีดโบท็อกซ์เข้าไปส่งผลให้กล้ามเนื้อทำงานได้น้อยลง เมื่อกล้ามเนื้อขยับน้อยลงก็ทำให้สามารถลดการเกิดริ้วรอยได้นั่นเอง รวมถึงช่วยลดขนาดกรามลงอีกด้วย

การออกฤทธิ์ของตัวยาโบท็อกซ์เป็นอย่างไร

หลังจากฉีดโบท็อกซ์เข้าไปแล้ว โบท็อกซ์จะมีการออกฤทธิ์ของตัวยาเป็น 2 ส่วนด้วยกัน ส่วนแรกคือการออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท เมื่อโบท็อกซ์ดูดซึมเข้าไปในเซลล์ประสาทอย่างที่ได้เล่าไปก่อนหน้านี้แล้วว่า โบท็อกซ์จะทำให้กล้ามเนื้อทำงานได้น้อยลงนั่นเอง ส่วนที่ 2 คือส่วนที่ดูดซึม ส่วนนี้จะถูกร่างกายขับออกหลังจากฉีดไม่เกิน 1 ชั่วโมง ส่วนนี้จะไม่มีผลต่อร่างกาย

โบท็อกในทางการแพทย์ กับโบท็อกซ์เพื่อความสวยงาม

เดิมทีโบท็อกซ์ถูกใช้ในวงการทางการแพทย์มายาวนาน ก่อนที่จะมาใช้โบท็อกซ์ฉีดเพื่อความงามในปัจจุบัน การใช้งานของโบท็อกในทางการแพทย์และโบท็อกซ์ความงามนั้นแตกต่างกันยังไง ลองมาดูพร้อมกันเลย

โบท็อกซ์ในทางการแพทย์

สำหรับโบท็อกซ์ในทางการแพทย์คือการใช้โบท็อกซ์เพื่อแก้ปัญหา รักษาสุขภาพ โดยโบท็อกซ์ในทางการแพทย์มีคุณสมบัติคลายกล้ามเนื้อ จึงนำมาใช้รักษาความผิดปกติของกล้ามเนื้อเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อตาเข ตาเหล่ ตากระตุก อาการปวดศีรษะไมเกรนเรื้อรัง กล้ามเนื้อบิดเกร็ง ภาวะเหงื่อออกมาก

โบท็อกซ์เพื่อความสวยงาม

สำหรับโบท็อกซ์ความงามตัวนี้สามารถเห็นกันได้อย่างแพร่หลายมากๆ ในปัจจุบัน การฉีดโบท็อกซ์เพื่อความงาม มีคุณสมบัติเน้นการรบกวนการทำงานของประสาทกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อทำงานน้อยลง ลดโอกาสเกิดริ้วรอยใหม่ ลดริ้วรอยเก่าและที่สำคัญยังลดกล้ามเนื้อลง แก้ปัญหาริ้วรอยและกรามใหญ่ ต้นเหตุของปัญหาใบหน้าที่หลายคนไม่มั่นใจได้นั่นเอง

โบท็อกซ์อเมริกา อังกฤษ เยอรมนี เกาหลี แบบไหนดีกว่ากัน?

สำหรับสัญชาติของโบท็อกซ์แต่ละตัว ในปัจจุบันมีหลากหลายยี่ห้อให้เลือก หลายยี่ห้อได้รับความนิยม หากจะตอบคำถามว่าควรเลือกโบท็อกซ์สัญชาติไหนดี อยากให้ลองพิจารณาจากโบท็อกซ์ที่ผ่านการรับรอง อย. ไทย ทั้ง 4 ตัวนี้เพื่อเปรียบเทียบข้อดีและความเหมาะสมของแต่ละตัวไปพร้อมกันเลย

Allergan

สำหรับโบท็อกซ์ตัวแรกอย่าง Allergam เป็นโบท็อกซ์ตัวดั้งเดิมที่มาจากประเทศสหรัฐอเมริกา คุณภาพสูง ใช้รักษาได้มีประสิทธิภาพสูงเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่นๆ มีจุดเด่นคือการกระจายตัวที่แคบ ทำให้รักษาได้แม่นยำ ตรงจุดมากกว่า เหมาะกับคนที่ต้องการแก้ปัญหาริ้วรอยเฉพาะจุด

Dysport

สำหรับโบท็อกซ์ Dysport เป็นโบท็อกซ์จากประเทศอังกฤษ คุณสมบัติเด่นคือกระจายตัวกว้าง ไม่กระจุกวงแคบ ทำให้มีผลข้างเคียงได้ง่าย จึงต้องฉีดโดยแพทย์ที่เชี่ยวชาญเท่านั้น แต่ด้วยความกระจายตัวกว้างทำให้เหมาะกับการใช้ลดกราม ลดกล้ามเนื้อได้ดีมากกว่าลดริ้วรอย เหมาะกับการใช้ในเทคนิค Dermalift เพื่อยกกระชับผิว

Xeomin

สำหรับโบท็อกซ์ Xeomin เป็นโบท็อกซ์สัญชาติเยอรมัน ที่รวมเอาข้อดีของ Allergan กับ Dysport เข้าไว้ด้วยกันในตัวเดียว มีการรับรอง FDA. และอย.ไทย คุณสมบัติเด่นคือบริสุทธิ์สูง ไม่ดื้อ ฉีดโบท็อกซ์ Xeomin แล้วดูเป็นธรรมชาติ หน้าไม่แข็ง เหมาะกับการแก้ปัญหาทั้งเรื่องริ้วรอยและกล้ามเนื้อ

Nabota

โบท็อกซ์นาโบตะ (Nabota) เป็นโบท็อกซ์เกาหลีตัวเดียวที่ได้รับการรับรอง U.S.FDA  เป็นที่นิยมในประเทศไทยเพราะเป็นโบท็อกราคาไม่แพง จุดเด่นคือออกฤทธิ์ไว เห็นผลได้ทันใจ มีความบริสุทธิ์สูง สามารถใช้แก้ปัญหาได้ทั้งริ้วรอย ร่องตีนกาที่เกิดขึ้นตามอายุ รวมไปถึงปัญหากรามใหญ่ กล้ามเนื้อใหญ่ได้

โบท็อกซ์ต้องฉีดจุดไหน และช่วยอะไรได้บ้าง

อย่างที่ทุกคนรู้กันว่าโบท็อกซ์สามารถใช้ฉีดรักษา แก้ปัญหาได้หลายจุด ทั้งบริเวณใบหน้าและร่างกาย แต่การฉีดโบท็อกซ์แต่ละจุดจะส่งผลให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง มาดูไปพร้อมกันเลย

  • โบท็อกซ์ลดริ้วรอย เป็นการฉีดโบท็อกซ์เพื่อแก้ปัญหารอยย่น รอยพับของผิวหนังให้กลับมาเรียบเนียน ตึงกระชับอีกครั้ง ปริมาณการฉีดอยู่ที่ 5-20 ยูนิต ต่อบริเวณ
  • โบท็อกซ์ตีนกา เป็นการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดรอยยับบริเวณหางตา เพื่อให้ผิวหนังบริเวณหางตากระชับ ตึง ไม่ย่นเวลายิ้ม ปริมาณที่ใช้อยู่ที่ 15-20 ยูนิตต่อข้าง
  • โบท็อกซ์หน้าผาก เป็นการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดรอยย่นเวลาเลิกคิ้วขึ้น แก้ปัญหาให้ผิวหน้าผากเรียบตึงเวลาแสดงสีหน้า ปริมาณที่ใช้อยู่ที่ 15-20 ยูนิต
  • โบท็อกซ์คิ้ว เป็นการฉีดโบท็อกซ์บริเวณระหว่างคิ้ว เพื่อแก้ปัญหาผิวย่น ริ้วรอยเวลาแสดงสีหน้า ให้กลับมาเรียบตึง ไม่มีรอยพับเวลาขมวดคิ้ว ปริมาณที่ใช้อยู่ที่ 6-15 ยูนิต
  • โบท็อกซ์ยกหางตา เป็นการฉีดโบท็อกซ์เพื่อแก้ปัญหาหางตาตก ทำให้หางตายกขึ้น ตาดูเฉี่ยวมากขึ้น ผิวตึงกระชับ ปริมาณที่ใช้คือ 15-20 ยูนิต
  • โบท็อกซ์ปีกจมูก เป็นการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดขนาดปีกจมูก ให้เล็กลง ไม่ขยายเวลาที่ยิ้มหรือหัวเราะ ปริมาณที่ใช้อยู่ที่ 15-20 ยูนิต
  • โบท็อกซ์ยกมุมปาก เป็นการฉีดเพื่อแก้ปัญหามุมปากตกให้ยกขึ้น ดูเด็กลง หน้าดูสดใส ปริมาณที่ใช้อยู่ที่ 15-20 ยูนิต
  • โบท็อกซ์ลดกราม เป็นการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดขนาดกราม ให้ใบหน้าดูเรียวเล็ก มีมิติ ปริมาณที่ใช้อยู่ที่ 25-30 ยูนิต
  • โบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้า เป็นการฉีดโบท็อกซ์เพื่อให้ใบหน้าดูเข้าที่ มีมิติ กรอบหน้าชัด แก้ปัญหาโครงหน้าใหญ่ ไร้มิติ โดยปริมาณที่ใช้อยู่ที่ 30-5 ยูนิต
  • โบท็อกซ์รักแร้ เป็นการฉีดโบท็อกซ์เพื่อแก้ปัญหากลิ่นตัว เหงื่อออกเยอะ โดยจะใช้ปริมาณอยู่ที่ 80-100 ยูนิต
  • โบท็อกซ์ลดเหงื่อ เป็นการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดเหงื่อโดยตรง นอกจากจะฉีดที่รักแร้แล้ว ยังฉีดบริเวณต่อมเหงื่ออย่างฝ่ามือ ฝ่าเท้าได้ด้วย ปริมาณที่ใช้อยู่ที่ 50-100 ยูนิต
  • โบท็อกซ์น่อง เป็นการฉีดโบท็อกซ์แก้ปัญหาน่องปูด น่องใหญ่ ให้เล็กลง ช่วยให้ขาเรียวขึ้น ปริมาณที่ใช้อยู่ที่ข้างละ 200-300 ยูนิต
  • โบท็อกซ์กระชับรูขุมขน เป็นการฉีดโบท็อกซ์ที่ผิวหน้า เพื่อลดขนาดรูขุมขนให้เล็กลง และยังช่วยลดหน้ามันอีกด้วย ปริมาณที่ใช้อยู่ที่ 25-30 ยูนิต
  • โบท็อกซ์ลดซ์โหนกแก้ม เป็นการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดขนาดโหนกแก้มให้เล็กลง ให้ใบหน้าดูเด็กลง จะใช้อยู่ที่ 25-30 ยูนิต
  • โบท็อกซ์แขน เป็นการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อแขนให้ดูเล็กลง เรียวสวยมากขึ้น จะใช้อยู่ที่ปริมาณ 200-300 ยูนิต
  • โบท็อกซ์ไมเกรน เป็นการฉีดโบท็อกซ์รักษาอาการปวดไมเกรน จะฉีดบริเวณศีรษะและลำคอ  ปริมาณที่ใช้อยู่ที่ 150-230 ยูนิต
  • โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม เป็นการฉีดโบท็อกซ์ทางการแพทย์บริเวณ คอ บ่า ไหล่ เพื่อคลายกล้ามเนื้อ ลดอาการออฟฟิศซินโดรม 100-200 ยูนิต

การฉีดโบท็อกซ์เหมาะกับใครบ้าง

สำหรับการฉีดโบท็อกซ​์เหมาะกับทั้งคนที่มีปัญหาสุขภาพและคนที่ต้องการเสริมความงาม เพิ่มความมั่นใจ เป็นอีกหัตถการที่มีความเสี่ยงน้อย

คนที่มีปัญหาสุขภาพ

  • คนที่มีภาวะออฟฟิศซินโดรม
  • คนที่มีปัญหาไมเกรน
  • คนที่มีปัญหากล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • คนที่มีปัญหาเหงื่อออกมาก

คนที่ต้องการเสริมความงาม

  • คนที่กรามใหญ่ รูปหน้าไม่เรียว
  • คนที่กรอบหน้าไม่ชัด
  • คนที่มีปัญหาริ้วรอยเล็กๆ ริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า
  • คนที่มีปัญหากลิ่นตัว
  • คนที่มีปัญหาเหงื่อออกเยอะ
  • คนที่มีรูขุมขนกว้าง หน้ามันง่าย
  • คนที่มีปัญหาหางตาตก
  • คนที่มีโหนกแก้มใหญ่ ใบหน้าดูมีอายุ

วิธีการเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกซ์

ก่อนฉีดโบท็อกซ์อย่าลืมที่จะเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อให้โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ได้เต็มประสิทธิภาพ ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง

  • หยุดใช้ยาหรือสกินแคร์ที่มีกรดวิตามิน A
  • งดใช้สครับผิวหน้าก่อนฉีดโบท็อกซ์ 1-2 วัน
  • หยุดใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDS
  • หยุดทานวิตามิน E น้ำมันตับปลา กิงโกะ เพราะกระตุ้นให้ช้ำได้ง่าย
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนฉีด 1 วัน

ขั้นตอนของการฉีดโบท็อกซ์

การฉีดโบท็อกซ์ มีขั้นตอนไม่เยอะ ใช้เวลาการฉีดไม่นาน ที่สำคัญไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ ใช้ชีวิตปกติได้ทันที โดยขั้นตอนการฉีดโบท็อกซ์มีด้วยกัน ดังนี้

  • ปรึกษาแพทย์ก่อนฉีด เพื่อวิเคราะห์ปัญหา ประเมินและวางแผนการรักษาให้ตรงจุด
  • เลือกยี่ห้อโบท็อกซ์ที่ต้องการ ตามความเหมาะสม คำแนะนำของแพทย์และงบประมาณ
  • เริ่มการรักษาด้วยการฉีดโบท็อกซ์

วิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์

อย่างที่เล่าไปก่อนหน้านี้การฉีดโบท็อกซ์เป็นหัตถการที่ไม่ต้องพักฟื้นนาน ใช้ชีวิตปกติหลังฉีดได้เลยทันที เพียงแค่หลังจากฉีดโบท็อกซ์ต้องมีข้อควรระวังที่จะต้องดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดในช่วง 14 วันแรก เพื่อให้โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ได้เต็มประสิทธิภาพ ไม่มีปัญหาเกิดขึ้น ได้แก่

  • หลังฉีดทันทีให้ขยับกล้ามเนื้อบ่อยๆ เพื่อให้โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น
  • ห้ามนวดหรือบีบบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์เด็ดขาด
  • งดนอนราบขนานกับพื้น ใน 3 ชั่วโมงแรกหลังฉีด
  • หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด
  • งดการทำเลเซอร์และหัตถการอื่นๆ ทุกชนิดไว้ก่อน
  • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่

ฉีดโบท็อกซ์ให้ปลอดภัย ระวังโบท็อกซ์หิ้ว โบท็อกซ์ปลอม

โบท็อกซ์หิ้ว คือ โบท็อกซ์ของแท้ที่ผลิตโดยบริษัทยาโดยตรง แต่มีการลักลอบนำเข้าแบบผิดกฎหมาย ทำให้ราคาถูกกว่าโบท็อกซ์ของแท้ที่ได้มาตรฐานกว่าเท่าตัว ข้อเสียคือ ในขั้นตอนระหว่างการนำเข้าโบท็อกซ์หิ้วนั้น จะไม่ได้มีการควบคุมอุณหภูมิที่ถูกต้อง ได้มาตรฐาน ทำให้คุณภาพตัวยาเสื่อมลง เมื่อฉีดแล้วให้ประสิทธิภาพไม่เต็มที่

โบท็อกซ์ปลอม คือ ตัวยาที่อาจมีการผสมน้ำเกลือกับวิตามิน ที่ไม่ใช่สาร Botulinum Toxin จริงๆ หรืออาจมีสารอื่นที่อันตราย ทำให้ฉีดแล้วอาจเกิดผลข้างเคียง หน้าเบี้ยว หน้าผิดรูปได้ เพื่อความปลอดภัยในการฉีดโบท็อกซ์ทุกครั้งจึงต้องสังเกตและระวังโบท็อกซ์หิ้วและโบท็อกซ์ปลอมให้ดี เพราะนอกจากจะเสียเงินฟรีแต่ยังไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการอีกด้วย

ฉีดโบท็อกซ์ที่ไหนดี เลือกแบบไหน ต้องดูอะไรบ้าง

การฉีดโบท็อกซ์ที่ดีและปลอดภัยจะต้องทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์การฉีด คลินิกที่ให้บริการได้มาตรฐานทั้งการบริการและเครื่องมือที่ใช้ อุปกรณ์ทางการแพทย์จะต้องสะอาด มีคุณภาพ

การฉีดโบท็อกซ์ที่ Dr.Garn Clinic ฉีดกับแพทย์ที่ชำนาญการ มีประสบการณ์การฉีดโบท็อกซ์มาหลายเคส ทำให้มีความเข้าใจในการแก้ปัญหาด้วยการใช้โบท็อกซ์อย่างตรงจุด ออกแบบการรักษาที่เหมาะกับคนไข้แต่ละเคส พร้อมทั้งคุณหมอยังมีการอัปเดตความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ จึงมั่นใจได้ว่าการรักษาที่ Dr.Garn Clinic มีความปลอดภัย ได้ประสิทธิภาพ เครื่องมือทันสมัย ได้ผลลัพธ์ตรงกับที่ต้องการ

สรุป

การฉีดโบท็อกซ์ช่วยแก้ปัญหาทั้งเรื่องสุขภาพและเสริมความงาม ช่วยแก้ปัญหาให้คนไข้กลับมามีความมั่นใจได้อีกครั้ง หากได้รับการฉีดกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ ใช้ตัวยาโบท็อกซ์ของแท้ ที่นำเข้าถูกต้อง ได้รับการรับรอง มั่นใจได้ว่าการฉีดโบท็อกซ์นั้นปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายแน่นอน

ทางคลินิก Dr.Garn Clinic มีบริการโบท็อกซ์เพื่อเสริมความงามกับแพทย์ที่มีความชำนาญการ ฉีดโบท็อกซ์ปลอดภัย ตัวยาแท้ ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองแล้วว่านำเข้าอย่างถูกต้อง ไม่มีสารอันตรายห้าม พร้อมบริการให้คำปรึกษา วางแผนการรักษาอย่างตรงจุดและติดตามผลหลังทำอย่างใกล้ชิด

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโบท็อกซ์ (FAQ)

สำหรับใครที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องโบท็อกซ์ ทาง Dr.Garn Clinic ได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยพร้อมกับคำตอบที่หลายคนอยากรู้มาไว้ให้แล้ว

ฉีดโบท็อกซ์อันตรายหรือไม่

การฉีดโบท็อกซ์ไม่อันตราย หากเลือกฉีดโบท็อกซ์ของแท้ นำเข้ามาอย่างถูกต้อง ได้มาตรฐานกับแพทย์ที่มีความชำนาญ ประสบการณ์

ฉีดโบท็อกซ์ราคาเท่าไร

ราคาของการฉีดโบท็อกซ์ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกซ์และปริมาณของโบท็อกซ์ที่ใช้ อย่างการใช้โบท็อกซ์ยี่ห้อเดียวกัน ฉีดโบท็อก 100 ยูนิตราคาก็จะแพงกว่าโบท็อกราคาของโบท็อก 50 ยูนิต แนะนำให้สอบถามโปรโมชั่นกับทางคลินิกอีกครั้ง

ฉีดโบท็อกซ์กรามแล้วปากเบี้ยว เกิดจากอะไร

ปัญหาฉีดโบท็อกซ์แล้วปากเบี้ยว อาจมาจากตัวยาโบท็อกซ์ที่ใช้ไม่ได้มาตรฐาน มีการปนเปื้อนของสารอันตราย และอาจเป็นเพราะฉีดกับแพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญ ฉีดโบท็อกซ์กับหมอกระเป๋า ทำให้ฉีดผิดตำแหน่ง เกิดปัญหาปากเบี้ยว หน้าเบี้ยวนั่นเอง

หลังการฉีดโบท็อกซ์ใช้เวลาพักฟื้นนานไหม

หลังจากฉีดโบท็อกซ์ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตปกติได้ทันที เพียงแต่ต้องดูแลตัวเองหลังฉีดอย่างเคร่งครัด เพื่อให้โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ได้ไวและเต็มประสิทธิภาพ

โบท็อกซ์ช่วยลดปัญหากรามใหญ่ได้หรือไม่

โบท็อกซ์ช่วยลดปัญหากรามใหญ่ ช่วยให้ใบหน้าเรียวขึ้นได้ เพราะโบท็อกซ์จะเข้าไปคลายกล้ามเนื้อ ทำให้กรามเล็กลง ใบหน้าดูเรียวขึ้นนั่นเอง

ฉีดโบท็อกซ์อยู่ได้นานแค่ไหน

โดยปกติแล้วการฉีดโบท็อกซ์ ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ​ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกซ์ การดูแลหลังฉีดโบท็อกซ์และพฤติกรรมการใช้ชีวิต